หัวข้อข่าว : ศบค.เผยไทยพบโควิด "โอมิครอน" แล้ว 14 ราย รอยืนยันเคสต้องสงสัยเพิ่มอีก

2021-12-18 23:47:17 เข้าชม : 25,273 ครั้ง | ส่งข่าวนี้ไปที่


ศบค.ยืนยันไทยป่วยโอมิครอนแล้ว 14 ราย รอกรมวิทย์ฯ แจงเคสต้องสงสัยเพิ่ม ย้ำดื่มแอลกอฮอล์ที่ร้านได้แค่คืนเคานต์ดาวน์เท่านั้น

(17 ธ.ค.64) แพทย์หญิงอภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. กล่าวว่า ที่ประชุม ศปก.ศบค. มีการติดตามสถานการณ์โควิดในประเทศเพื่อนบ้านคือ ประเทศอินโดนีเซีย มีรายงานว่าพบผู้ติดเชื้อโอมิครอนรายแรกในประเทศ คือเป็นพนักงานทำความสะอาด และไม่เคยมีประวัติเดินทางไปต่างประเทศเช่นเดียวกับประเทศมาเลเซีย ที่มีการพยาบาลผู้ป่วยโอมิครอนเป็นรายที่สองในประเทศ

ส่วนประเทศไทย มีการยืนยันการติดเชื้อโอมิครอนแล้ว 14 รายในประเทศไทย โดยส่วนใหญ่เข้ามาในโครงการ Test and Go ซึ่งปัจจุบันกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์พยายามตรวจคัดกรองเชื้อสายพันธุ์กลายพันธุ์โอมิครอนอย่างต่อเนื่อง และตอนนี้มีเคสที่ต้องยืนยันซ้ำเป็นเคสต้องสงสัย ซึ่งต้องรอทางกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์รายงานเร็วๆนี้ซึ่ง ผอ.ศปก.ศบค.ได้เน้นย้ำว่า ผอ.ศบค.ได้ฝากให้กระทรวงสาธารณสุขโดยคณะกรรมการ EOC พิจารณาเรื่องการใช้ ATK ตรวจด้วยตัวเอง เป็นการยกระดับมาตรฐานการจัดงานต่างๆ เช่น การจัดงานปีใหม่

การระบาดที่รายงานเพิ่มขึ้นมีแคมป์คนงาน กทม. ซึ่งแคมป์คนงานมีการรายงานพบ 56 รายจากคนงานทั้งหมด 120 ราย ซึ่งกทม.รายงานว่าตัวเลขนี้คิดเป็น 47%ของทั้งแคมป์ ซึ่งตรวจพบจากการสุ่มตรวจ ATK ทุก 1 สัปดาห์ นอกจากนี้กทม.มีการรายงานพบคลัสเตอร์ร้านหมูกระทะที่เขตบางกะปิพบ 12 ราย

ทั้งนี้ แพทย์หญิงอภิสมัย ระบุว่า ก่อนหน้านี้ที่จังหวัดอุดรธานีมีการจับการปลอมแปลงเอกสารวัคซีนไปแล้ว ต้องขอบคุณสปม.และต้องย้ำกับประชาชนอย่างเพราะการกระทำขอเอกสารวัคซีนปลอมถึงว่ามีความผิด ซึ่งจากการประกาศข้อกำหนดฉบับที่ 40 ในวันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา ขอเน้นย้ำการอนุญาตให้ดื่มหรือบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภายในร้านอาหารหรือสถานประกอบการได้เฉพาะ สำหรับเทศกาลปีใหม่วันที่ 31 ธ.ค.นี้เท่านั้น โดยเน้นย้ำว่า 16 ธ.ค.นี้สถานบริการผับ บาร์ ที่เปิดให้บริการจำหน่ายแอลกอฮอล์ ยังถือได้ว่ามีความผิ ดยังไม่สามารถทำได้ ซึ่งมีการรายงานเข้ามาในพื้นที่จังหวัดกระบี่ อำเภออ่าวนาง และไร่เลย์ แม้ว่าจะเป็นสถานประกอบการที่ได้รับ SHA หรือ SHA+ ยังไม่อนุญาต รวมถึงการกระทำผิด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท.สามารถเพิกถอนตราสัญลักษณ์ SHA หรือ SHA+ ได้

 


.